ประวัติศาสตร์โลกเต็มไปด้วยเหตุการณ์สำคัญที่ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษยชาติ และหนึ่งในเหตุการณ์เหล่านั้นก็คือ การประท้วงของนักเรียนในปี 2015 ที่แอฟริกาใต้ เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกจุดชนวนจากปัญหาการเลือกภาษาในการสอนในโรงเรียน ซึ่งนำไปสู่การลุกฮือของนักเรียนที่เรียกร้องให้มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักในการศึกษาทั้งหมด
เหตุผลเบื้องหลังการประท้วงนั้นซับซ้อนและพันเกี่ยวกันหลายปัจจัย ในแอฟริกาใต้ 11 ภาษาอย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึงภาษาแอฟริกานส์, ภาษาโซธู, และภาษาเอสวันโต แต่ภาษาอังกฤษยังคงถือว่าเป็นภาษากลางที่สำคัญที่สุดในแง่ของการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคม
นักเรียนชาวผิวดำจำนวนมากรู้สึกว่าระบบการศึกษาที่ใช้ภาษาท้องถิ่นในการสอนนั้นขัดขวางพวกเขาจากการก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในชีวิต ซึ่งเป็นมุมมองที่ได้รับการสนับสนุนจากสถิติที่แสดงให้เห็นว่านักเรียนที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่มีแนวโน้มที่จะได้คะแนนสอบสูงขึ้น และมีโอกาสเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำมากกว่า
การประท้วงของนักเรียนในปี 2015 เริ่มต้นขึ้นที่มหาวิทยาลัยวิสส์แวนดาร์บิลล์ (University of the Witwatersrand) ในกรุงโจฮันเนสเบิร์ก นักเรียนได้ยื่นคำร้องเรียกร้องให้มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักในการสอน และประท้วงด้วยการปิดชั้นเรียนและเดินขบวน
การประท้วงแพร่กระจายไปยังมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาอื่นๆ ทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่การเผชิญหน้ากับตำรวจ และการถูกจับกุมจำนวนมาก เหตุการณ์นี้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั่วโลก และทำให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับบทบาทของภาษาในสังคมแอฟริกาใต้
ผลที่ตามมาของการประท้วงก็มีความหลากหลาย
- การสร้างความตระหนักรู้: การประท้วงได้ช่วยสร้างความตระหนักถึงปัญหาความไม่เท่าเทียมกันในการเข้าถึงการศึกษาที่ดีในแอฟริกาใต้
- การเปลี่ยนแปลงนโยบาย: กระทรวงการศึกษาของแอฟริกาใต้นำการประท้วงมาพิจารณา และมีการดำเนินการเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องในระบบการศึกษา เช่น การเพิ่มจำนวนครูที่พูดภาษาอังกฤษ
- การกระตุ้นการถกเถียง: การประท้วงได้จุดชนวนการถกเถียงเกี่ยวกับบทบาทของภาษาในสังคมแอฟริกาใต้ และความจำเป็นในการสร้างระบบการศึกษาที่ยุติธรรมและเท่าเทียมกัน
นอกเหนือจากผลกระทบโดยตรงแล้ว การประท้วงของนักเรียนในปี 2015 ยังเป็นตัวอย่างของพลังของการเคลื่อนไหวเยาวชน การต่อสู้เพื่อสิทธิความเป็นธรรม และความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสังคม
เดซมอนด์ ทูตู: นักต่อสู้สิทธิมนุษยชนผู้ยิ่งใหญ่
สำหรับนักแสดงบนเวทีโลกที่ชื่อ “เดซมอนด์ ทูตู” (Desmond Tutu) ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 1984 เรื่องราคความยุติธรรมของเขาเริ่มต้นจากการต่อสู้กับระบอบอ apartheid ที่แยกเชื้อชาติอย่างรุนแรง
เดซมอนด์ ทูตู เป็นบาทหลวงนิกายแองกลิกันที่ทุ่มเทตนเพื่อต่อสู้กับความไม่เท่าเทียมและความอยุติธรรมในแอฟริกาใต้ ทูตูใช้วาทะศิลป์อันทรงพลัง และการกระทำที่แน่วแน่มุ่งมั่นในการโจมตีระบอบ apartheid
ทูตูสนับสนุนการลงโทษอย่างไม่รุนแรง และเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการแบ่งแยกเชื้อชาติ ท่านยังเป็นผู้นำสำคัญในการฟื้นฟูความสมานฉันท์ในแอฟริกาใต้หลังจากสิ้นสุดระบอบ apartheid
- บทบาทของเดซมอนด์ ทูตู:
-
ผู้นำทางศาสนา: ทูตูได้ใช้ pulpit (เวที) ของท่านในการเทศนาต่อต้านความอยุติธรรมและเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลง
-
นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน: ทูตูร่วมมือกับกลุ่มและองค์กรต่างๆ ในการต่อสู้กับระบอบ apartheid
-
ผู้สนับสนุนการให้อภัย: หลังจากสิ้นสุดระบอบ apartheid, ทูตูเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่ม “คณะกรรมการความจริงและการปรองดอง” (Truth and Reconciliation Commission) ซึ่งมุ่งหวังที่จะเยียวยาแผลทางจิตใจของชาติ และส่งเสริมการให้อภัย
-
มรดกที่ทิ้งไว้
เดซมอนด์ ทูตู เป็นแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลกด้วยความกล้าหาญ, ความเมตตา และความมุ่งมั่นในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
ท่านได้แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด
เดซมอนด์ ทูตู ได้รับรางวัลและเกียรติยศมากมาย เช่น รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และรางวัลเหรียญทองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา